แน่นอนว่าทุกคนที่อ่านบทความนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักทองคำ แต่คงมีไม่กี่คนที่รู้ว่าทองคำนั้นสำคัญกับโลกของเรามากแค่ไหน ?
1.ทองคำเป็นที่รู้จักกันในสังคมมนุษย์มานานถึง 6000 ปี
– คำว่า Gold มาจากภาษาอังกฤษว่า Geolo ซึ่งแปลว่า เหลือง ในยุคโบราณได้มีการนำเอาทองคำมาใช้เป็นเครื่องตกแต่งสำหรับพิธีกรรมทางศาสนา และในอีกแง่หนึ่งเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความมั่งคั่ง ความรุ่งเรือง ตามประวัติศาสตร์นั้นมีการค้นพบทองคำครั้งแรกในแถบเอเซียตะวันตก โดยเฉพาะในอียิปต์มีการนำทองคำมาประกอบพิธีต่าง ๆ และอยู่คู่กับวัฒนธรรมอียิปต์กว่า 4000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ใครที่เคยดูหนังที่เกี่ยวกับประเทศอียิปต์คงจะพอเคยเห็นว่ามักจะมีทองคำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ นอกจากนี้ในหลาย ๆ ประเทศก็ยังมีตำนานของทองคำเล่าขานกันมาอย่างยาวนาน
2.หลายศตวรรษที่ผ่านมาทองคำสามารถใช้เป็นเงินที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
– หากพูดถึงเครื่องประดับต่าง ๆ แล้วนั้น มีมากมายที่ราคาสูงกว่าทองคำ เช่น เพชร platinum และอื่น ๆ แต่ถึงกระนั้นทองคำเป็นโลหะชนิดเดียวที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก มีความต้องการซื้อขายทองคำทั่วโลกตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษที่ผ่านมานี้
3.ความสัมพันธ์ของทองคำกับระบบการเงินโลก
– ในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มมีการนำเอามาตราฐานทองคำเข้ามาใช้ในระบบเงินตรา ในหลาย ๆ ประเทศ โดยรัฐบาลจะเป็นผู้หลอมและจัดจำหน่ายเหรียญทองคำ เมื่อเวลาผ่านไปทองคำจึงกลายเป็นพื้นฐานหลักของระบบเงินตราทั่วโลก โดยประเทศแรกที่นำมาตราฐานทองคำหรือ Gold Standard มาใช้คือประเทศอังกฤษ แล้วจึงค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ระบบนี้ถูกใช้มาจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ห้ามการนำเข้าหรือส่งออกทองคำ เนื่องจากต้องการเก็บทองคำไว้ในประเทศ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนทองคำ นำไปสู่ระบบการเงินใหม่คือ มาตราปริวรรตทองคำหรือ Gold Exchange Standard ระบบนี้มีหลักการให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและเป็นศูนย์กลางการเงินเป็นผู้ถือทองคำแทน ส่วนประเทศอื่นๆนั้นก็เพียงแต่นำเงินของประเทศศูนย์กลางนี้ไปถือไว้แทนทองคำ ทำให้อังกฤษ เริ่มสูญเสียอำนาจทางการเงินให้กับประเทศเกิดใหม่อย่าง สหรัฐอเมริกา และเงินที่ใช้เป็นตัวกลางที่สำคัญของโลก ก็เปลี่ยนจากเงินปอนด์ เป็น เงินดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และประเทศต่างๆก็ยอมที่จะถือเงินดอลลาร์สหรัฐแทนการถือทองคำ ทำให้ตอนนั้นราคาของทองคำจะมีความสัมพันธ์แบบผกพันกับสกุลเงินดอลลาร์
ในเวลาต่อมา อเมริกาได้ทำการพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาเกินกว่าปริมาณทองคำที่มีอยู่ ซึ่งประมาณการว่ารัฐบาลสหรัฐได้พิมพ์เงินออกมาเป็นมูลค่าเท่ากับทองคำอย่างน้อย 30,000 ตัน ทั้ง ๆ ที่ทองจริงๆมีเพียงประมาณ 6,000 ตันเท่านั้น ทำให้รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถหาทองคำที่มีมูลค่าเท่ากันมาคืนให้ประเทศต่าง ๆ ได้ รัฐบาลสหรัฐจึงแก้ปัญหาด้วยการยกเลิกการผูกติดเงินดอลลาร์กับทองคำ ในปี 1971 ประธานาธิปดีนิกสัน ได้ประกาศเลิกรับแลกดอลลาร์สหรัฐกับทองคำโดยสิ้นเชิง
4.ในยุคล่าอาณานิคมนั้น ทองคำถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของความมีอำนาจ
– มหาอำนาจต่าง ๆ ในตอนนั้นต่างก็แสวงหาและสะสมทองคำกันอย่างบ้าคลั่ง ประเทศใดที่แพ้สงครามก็จะต้องสูญเสียดินแดนและโดนยึดทองคำไปจนเกือบหมดสิ้น ซึ่งทำให้ไม่มีอำนาจทางการเงินที่จะต่อรองใด ๆ ได้เลย ประเทศใดที่ครอบครองทองคำมากที่สุด ก็ถือว่ามีอำนาจในการขับเคลื่อนกำลังพล และอำนาจในการต่อรองทางการเงินมากที่สุด
5.ทองคำคือ Safe Heaven อันดับ 1 ตลอดกาล
– เนื่องด้วยการมีอยู่ที่จำกัดของทองคำนั้น แตกต่างจากสกุลเงินต่าง ๆ ที่ถูกพิมพ์ขึ้นตลอดเวลา ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หากสถานการณ์โลกเข้าสู่สภาวะสงคราม แน่นอนว่าค่าเงินจะมีความผันผวนอย่างมาก แต่สำหรับทองคำในภาวะสงครามนั้นกลับมีความต้องการซื้อมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างมาก
6.ในปัจจุบันทองคำยังคงอยู่เบื้องหลังของระบบการเงินโลก
– แม้ในปัจจุบันเราจะไม่ได้ผูกค่าเงินกับทองคำโดยตรง และมีดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักของโลก แต่คุณรู้ความจริงข้อนี้หรือไม่ ว่าในปัจจุบันนี้ เงินดอลลาร์เป็นเพียงกระดาษใบนึง ที่สหรัฐสามารถพิมพ์ออกมาใช้เท่าไหร่ก็ได้ โดยไม่มีข้อจำกัด !!! ใช่ครับคุณอ่านถูกแล้ว และนั่นตีความหมายได้อย่างไร ? เรามาลองคิดถึงเรื่องเงินเฟ้อกัน เมื่อเศษกระดาษนี้มีอยู่อย่างไม่จำกัด มนุษย์ผู้มีอำนาจบางคนสามารถใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ เพื่อซื้อสินค้า ทรัพย์สิน หรือบริการอื่น ๆ ที่มีอยู่อย่างกำจัด (เรื่องแบบนี้มีอยู่บนโลกจริง ๆ ซึ่งผมจะลงลึกในบทความอื่น ๆ ต่อไป) นั่นหมายความว่าเศรษฐกิจโลกตอนนี้ กำลังขับเคลื่อนไปด้วยกระดาษเปล่า ๆ ที่มีอยู่อย่างไม่กำจัด (แต่คนส่วนใหญ่บนโลกไม่ได้เป็นผู้ครอบครองกระดาษเหล่านี้) ที่นี้ก็มาถึงจุดที่ว่า แล้วทองคำยังมีความสำคัญยังไง ? เนื่องด้วยคุณสมบัติการมีอยู่อย่างจำกัด และความเป็นที่ต้องการทั่วโลกตลอดเวลาของทองคำ หากเงินมีอยู่อย่างไม่จำกัด แต่ทองมีอยู่อย่างจำกัด นั่นหมายถึงราคาทองคำที่จะเพิ่มมากขึ้นตามเงินเฟ้อที่มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง และหากถึงจุด ๆ หนึ่งที่เงินดอลลาร์เฟ้อจนล่มสลาย ลองคิดดูว่าสินทรัพย์อะไรที่จะเป็นตัวชี้วัด มูลค่าทางการเงิน และความมีอำนาจของโลก