ปัจจุบันทองคำเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงและยังคงได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในด้านของการลงทุน การเก็บสะสม รวมไปถึงการใช้เป็นเครื่องประดับ ทองคำในประเทศไทยจะมีการวัดน้ำหนักที่เป็นมาตรฐานเฉพาะ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “น้ำหนักทองไทย” โดยน้ำหนักทองคำที่ใช้ในประเทศไทยนี้แตกต่างจากมาตรฐานน้ำหนักทองคำที่ใช้ในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาหรือยุโรป ที่ใช้การวัดเป็นกรัมหรือออนซ์


หน่วยน้ำหนักทองไทย
หน่วยวัดน้ำหนักทองคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในไทยคือ “บาท” และ “สลึง” ซึ่งเป็นหน่วยมาตรฐานสำหรับทองคำในประเทศไทย โดยจะมีการเกณฑ์น้ำหนักทองไทยมีดังนี้
ทอง 1 กรัม จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 0.97-1.00 กรัม
ทอง ½ สลึง หรือ 1/8 ของบาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.87-1.90 กรัม
ทอง 1 สลึง หรือ 1/4 ของบาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 3.77-3.8 กรัม
ทอง 2 สลึง หรือ 2/4 ของบาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 7.57-7.60 กรัม
ทอง 3 สลึง หรือ 3/4 ของบาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 11.37-11.4 กรัม
ทอง 1 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 15.17-15.20 กรัม
ทอง 6 สลึง หรือ 6/4 ของบาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 22.74-22.8 กรัม
ทอง 2 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 30.34-30.40 กรัม
ทอง 3 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 45.48-45.6 กรัม
ทอง 4 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 60.64-60.80 กรัม
ทอง 5 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 75.8-76.0 กรัม
ทอง 10 บาท จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 151.60-152.00 กรัม
ทองคำในประเทศไทยมักจะแบ่งขายเป็นหน่วย “บาท” เช่น ทอง 1 บาท, 2 บาท, หรือทองครึ่งสลึง เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ โดยน้ำหนักมาตรฐานเหล่านี้ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันความสับสนในการซื้อขาย


คุณภาพและความบริสุทธิ์ของทองไทย
นอกจากน้ำหนักแล้ว ทองคำยังถูกประเมินคุณภาพตาม “ความบริสุทธิ์” ซึ่งทองคำที่ขายในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% หรือที่เรียกกันว่า “ทองคำแท้” นอกจากนี้ยังมีทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 99.99% หรือ “ทองคำบริสุทธิ์” ซึ่งมักจะใช้ในงานอุตสาหกรรม หรืองานศิลปะเฉพาะทาง
การรู้จักหน่วยวัดน้ำหนักทองคำที่ถูกต้องและความบริสุทธิ์ของทองเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถซื้อขายหรือเก็บสะสมทองคำได้อย่างมั่นใจ